คืนถัดมา ลี่เหมยถือสมุดบันทึกของแม่ไว้แนบอก
เสียงฝีเท้าเบา ๆ เดินผ่านทางดินที่ทอดยาวไปยังเขตท้ายหมู่บ้าน
เธอเดินไปตามจุดที่แม่เคยขีดไว้ในสมุด
จุดที่เรียกว่า “สระน้ำเร้นเงา” — สถานที่ที่ไม่มีในแผนที่สมัยใหม่ใด ๆ
มีเพียงเสียงเล่าในตำนาน และแผนที่ผ้าบางซีดที่แม่ทิ้งไว้
แสงจันทร์ฉาบพื้นดินด้วยความสว่างเพียงพอให้เห็นทาง
ข้างกายเธอ… ซ่งเหวินเดินเงียบ ๆ ไม่พูดคำใด
เขาไม่ต้องอธิบายอะไร เพราะลี่เหมยสัมผัสได้จากแววตาของเขา
ว่าความรู้สึกผิดนั้นแบกหนักอยู่เต็มอก
> “แม่ฉันไว้ใจคุณมากใช่ไหม”
ลี่เหมยเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต…”
ซ่งเหวินหยุดเดิน ชั่วขณะหนึ่งสายลมก็เงียบเชียบ
> “ใช่... นางคือเพียงคนเดียวที่เชื่อว่าดอกไม้สีครามจะนำความเปลี่ยนแปลง”
เขาเงยหน้ามองจันทร์
“และเจ้าคือคนสุดท้าย ที่มีสิทธิ์จะรู้ความจริงนั้น”
ในที่สุดพวกเขาก็เดินมาถึงแอ่งน้ำขนาดเล็กกลางหุบเขา
ผิวน้ำสะท้อนแสงดาวอย่างน่าอัศจรรย์
ไม่มีใครคาดคิดว่าดอกไม้ใดจะบานในสถานที่ซ่อนเร้นเช่นนี้
แต่ที่ริมสระ…
มีดอกไม้สีครามกลุ่มหนึ่ง บานสะพรั่งในแสงจันทร์
กลีบของมันเรืองแสงเบา ๆ — ราวกับเปลวไฟอ่อนโยนในค่ำคืน
ลี่เหมยก้าวเข้าไปใกล้ ทรุดตัวลงเบื้องหน้าดอกไม้
ทันใดนั้นเอง…
กลีบดอกไม้ร่วงลง และเผยให้เห็นแกนกลางดอกที่มีเสี้ยวโลหะบางฝังอยู่
เธอหยิบมันออกมา
มันคือ จี้เงินทรงกลม ที่สลักตัวอักษรโบราณไว้รอบวง
> “นี่คือ... กุญแจ” ซ่งเหวินกล่าว
“มันจะเปิด ‘ห้องใต้หอจันทรา’ — ที่เก็บความลับสุดท้ายของตระกูลเจ้าไว้”
ลี่เหมยยืนขึ้นช้า ๆ ใจเต้นระรัว
เสียงในหัวเธอชัดเจนกว่าครั้งใด
> “ฉันจะไม่หนีอีกต่อไป ไม่ใช่แค่เพราะแม่...
แต่เพราะหมู่บ้านนี้ต้องรู้ความจ