> ข้าไม่ใช่ผู้กอบกู้… ไม่ใช่ฮีโร่ของใคร ข้าเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา ที่อยากให้หัวใจของแม่…ได้รับการพักผ่อนอย่างสงบ
ลี่เหมยเขียนประโยคสุดท้ายลงบนหน้ากระดาษด้วยลายมือละเมียดละไม เส้นหมึกค่อย ๆ ซึมลงบนเนื้อกระดาษเหมือนน้ำตาที่เธอไม่ได้หลั่งออกมาอีกแล้ว
เธอวางปากกาลงอย่างแผ่วเบา—เสียงเพียงเบา ๆ นั้นกลับก้องกังวานในใจของเธอ ราวกับเป็นสัญญาณว่า เรื่องราวหนึ่งได้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
แสงเช้ายามรุ่งอรุณค่อย ๆ สาดผ่านบานหน้าต่างไม้เก่า เส้นแสงทอดยาวเข้ามาทาบบนพื้นห้องและโต๊ะเขียนหนังสือ ละอองฝุ่นที่ลอยละลานในแสงนั้นเหมือนกลีบดอกไม้สีครามที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ
ลี่เหมยยกมือแตะบันทึกเล่มนั้นแผ่วเบา แล้วเลื่อนมันไปวางข้าง “บันทึกแห่งดอกไม้สีคราม” ของแม่
สองเล่ม — สองหัวใจ — สองช่วงชีวิตที่ผูกพันกันด้วยสายใยที่มองไม่เห็น
> หากวันหนึ่งมีคนเดินผ่านมา แล้วได้กลิ่นดอกไม้สีคราม จงรู้ไว้ว่า เคยมีใครบางคนเลือกให้อภัย… แทนที่จะสาปแช่ง
เสียงของแม่ดังก้องในใจ
เสียงของตัวเธอเองในวันวานก็ดังทับซ้อน
และเสียงของเธอในวันนี้…เงียบสงบ
ไม่ใช่เพราะหมดสิ้นแล้ว แต่เพราะไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก
ดอกไม้ที่ไม่มีใครรู้จักชื่อแท้จริง
ดอกไม้ที่บางคนบอกว่าไม่มีอยู่จริง
แต่เธอเชื่อ… และตอนนี้เธอรู้แล้ว
มันคือ ความรัก
มันคือ การให้อภัย
มันคือ มรดกของหัวใจ
ลี่เหมยลุกขึ้นยืน สูดลมหายใจลึก แววตาเปล่งประกายแม้จะมีรอยช้ำจากอดีต
เธอไม่ต้องเป็นฮีโร่ของใคร ไม่ต้องได้รับการสรรเสริญจากโลก
แค่เป็นลูกที่ได้ส่งแม่ในเส้นทางสุดท้ายด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์
เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
เธอเดินออกจากห้อง ทิ้งไว้เพียงบันทึกสองเล่มบนโต๊ะไม้
ห้องนั้นเงียบ…แต่ไม่เปล่าเปลี่ยวอีกต่อไป
เพราะมีเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้…
เพื่อรอให้ใครสักคนในอนาคต
ได้เปิดอ่าน
และได้กลิ่นดอกไม้สีครามอีกครั้ง