ชีวิตไม่ได้สวยงามอย่างที่ใครหลายเขียนบทขึ้นมา
หนูนาพึมพำขณะจดบันทึกย่อ ด้วยลายมือที่ล้าลงในสมุดปกแข็งสีเทา บนโต๊ะไม้เก่าริมหน้าต่าง ห้องพักขนาดไม่ถึงสิบตาราวเมตร
เสียงพัดลมเก่าๆๆ ดังครืดๆๆข้างหูเสียงรถ บรรทุกวิ่งผ่านถนนด้านล่างสั่นสะเทือนขึ้นมาถึงชั้นสองของหอพัก ราคาไม่ถึงสองพันบาทต่อเดือน
เธอจดงานเขียนชิ้นล่าสุดตอนตีสามเป็นบทความสั้นเรื่องการอยู่กับความเหงา ที่ไม่มีใครจ้าง ไม่มีใครอ่าน แต่เธอเขียนไว้เพื่อเตือนใจตัวเองว่าเธอ "ยังอยู่"
ชีวิตของหนูนา ปานตะวันไม่ได้มีความฝันสูงส่ง เธอไม่ได้อยากเป็นนักเขียนชื่อดัง แค่ต้องการมีชีวิตที่ได้หายใจอย่างมีค่า และได้ดูแลแม่ที่ป่วยอยู่ต่างจังหวัดให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ของลูกคนหนึ่งที่ชาตินี้ได้เกิดมาบนโลกใบนี้
เธอทำงานในกองถ่ายรายการ โทรทัศน์ เป็นสคริปต์ เขียนบทสัมภาษณ์ ดูแลการจัดคิวและล่าสุด ทำหน้าที่แทนผู้ช่วยผู้กำกับที่ลาคลอดกระทันหัน
" หนูนาไปหาชุดนักแสดงให้กับเด็กๆๆถ่ายฉาก สัมภาษณ์หน่อยนะ"
" หนูนา เขียนคำโปรยเทปส่งพรุ่งนี้เสร็จหรือยัง"
" หนูนา ไปหาแบ็คกราวด์สไตล์บ้านๆๆด้วยนะ ขอแบบชนบทจริง ไม่ใช่ฉากหลอก"
เสียงเรียกชื่อเธอทุกมุม ของกองถ่ายและเธอก็ตอบรับทั้งหมดโดยไม่เคยบ่น เพราะนี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิต ตั้งแต่เธอจากบ้านมาใช้ชีวิตเองในเมืองหลวงตั้งแต่อายุ15ปีที่ยังไม่ถึงบริบูรณ์