Cherreads

Chapter 4 - 4

 ‘เหยื่อรายใหม่’ ของหนุ่มเมืองกรุงทั้งสองกำลังเดินอยู่ข้างถนนกลางป่า พันโทวรุตม์เดินมาหยุดยืนอยู่หน้าเพิงไม้เก่าๆ ที่หญิงชาวบ้านกำลัวนั่งขายของป่าแล้วซื้อเนื้องูเพื่อนำกลับไปให้เพื่อนที่ค่ายทหาร

 นายทหารหนุ่มยื่นธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทให้หญิงวัยกลางคนและบอกว่าไม่ต้องทอนเงิน ทำให้คนขายยิ้มกว้างด้วยความดีใจและยกมือไหว้พร้อมกล่าวขอบคุณเสียยกใหญ่ นอกจากนั้นยังชมวรุตม์ว่าเป็นทหารหน้าตาดีและยังใจดีอีกด้วย พร้อมทั้งขออวยพรให้ได้แฟนสวยๆ มีลูกหลายๆ คน วรุตม์อมยิ้มแล้วเดินชมสินค้าที่ชาวบ้านนำมาวางขาย ก่อนจะหันหลังเดินย้อนกลับไปที่รถ แต่พลันก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มสองคนเถียงกันดังแว่วๆ ภาษาไทยสำเนียงชาวกรุงเทพฯ ชัดเจน ทำให้วรุตม์หันไปมอง จึงเห็นว่าเป็นภีรวัสกับอิศรายืนอยู่ใต้ต้นไม้ไม่ไกลนัก ภีรวัสยืนกอดอก เอียงคอมองเพื่อนด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ส่วนอิศรายืนเท้าสะเอว ท่าทางกำลังอารมณ์เสีย

 

 “ไอ้โง่ บอกแล้วก็ไม่เชื่อ เถียงอยู่ได้ เป็นไงล่ะ พระอาทิตย์มันไม่ยอมคอย ตกดินไปก่อนซะแล้ว พรุ่งนี้ต้องกลับมาอีก” อิศราน้ำเสียงฉุนเฉียว ก่อนจะหยุดพูดเพราะเห็นว่าภีรวัสไม่ตอบโต้ สายตามองเลยไหล่เขาไปด้านหลังพร้อมกับยิ้มบางๆ ทำให้อิศราหันไปมองด้วย และเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ปรับสีหน้าทันที

 “สวัสดีครับผู้พัน กลางป่ากลางเขาแบบนี้ยังเจอกันได้อีก ป่ากลมจริงๆ นะครับ” อิศราพูดตลก แล้วหัวเราะเบาๆ

 “ผมแวะซื้อของให้เพื่อนครับ” วรุตม์ตอบ ปรายตาไปมองภีรวัสพร้อมกับค้อมศีรษะให้ แล้วหันมายิ้มกับอิศรา

 “มานานแล้วหรือครับ” อิศราถาม “ไม่รู้ว่ามาถึงทันได้ยินเราคุยกันหรือเปล่าน๊อ”

 ...เขาไม่เรียกว่าคุยหรอก เขาเรียกว่าทะเลาะ...

 ภีรวัสเถียงเพื่อนอยู่ในใจ ก้มลงหยิบกระเป๋าที่วางกองอยู่บนพื้น รอดูท่าทีของอิศราอยู่ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

 “คือเรามาถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินครับ แต่พอดีผมเฟอะฟะ มัวแต่หานั่นหานี่ เลยช้าไป ไม่ทันภาพสวยๆ เป็นช่างภาพได้ยังไงไม่รู้” อิศราค้นของในเป้ ทำหน้ามุ่ย แล้วถอนหายใจ

 ...เล่นบทน่าสงสาร ทั้งที่เมื่อกี้โวยวายตำหนิเขาเสียยกใหญ่ ใครจะเล่นละครเก่งเท่าอิศราไม่มีอีกแล้ว...

 ภีรวัสยังนิ่ง ปล่อยให้อิศราพูดอยู่คนเดียว ในใจคิดว่า พันตรีวรุตม์ดูเป็นคนสุขุมเยือกเย็น ไม่น่าจะชอบคนพูดมาก

 “นี่ไม่รู้จะมีรถรับจ้างผ่านมาเมื่อไหร่ ชักจะหิวข้าวแล้ว” อิศราทำหน้าหนักใจ

 ...ตอแหล เมื่อกี้เพิ่งกินขนมกับผลไม้ในเป้ไปจนหมด ตามด้วยน้ำครึ่งขวด เรอออกมาเสียงดังจนเสือสิงห์กระทิงแรดได้ยินไปทั่วป่า...

 “ผมไปส่ง ติดรถผมไปก็ได้ครับ” วรุตม์เสนอ

 “อิศไปกับผู้พันเถอะ” ภีรวัสพูดขึ้นหลังจากยืนนิ่งมาตลอด

 “อ้าว ทำไมล่ะครับ” วรุตม์เลิกคิ้ว

 “ผมรอเพื่อน” ภีรวัสตอบสั้นๆ

 ...เล่นบทผู้เสียสละ ให้เพื่อนได้มีโอกาสอยู่กับชายหนุ่มที่หมายปอง วรุตม์ต้องพอมองออก อีกไม่นาน เขาจะเล่นบทผู้เสียสละอีกที แล้วสร้างประเด็นอะไรบางอย่างสะกิดใจวรุตม์ให้นึกย้อนกลับมาถึงเหตุการณ์วันนี้ วรุฒม์ก็จะนึกอะไรออก และเขาก็จะทำคะแนนได้เหนือกว่าอิศรา...

 อิศราหันมามองภีรวัส หรี่ตาลงช้าๆ ประเมินท่าทีของเพื่อน พร้อมทั้งถามคำถามเพื่อนในใจ ซึ่งมีคู่หูอย่างภีรวัสเท่านั้นที่เข้าใจการสื่อสารทางสายตาเงียบๆ จากเขาได้ว่า...แกจะทำอะไรของแกวะ...

 “พอดีลุงที่เราไปพักอยู่ด้วยเขายังไม่ออกมาจากปางตองครับ ยังอยู่ข้างในโน่นอยู่เลย” ภีรวัสหันไปด้านที่เพิ่งเดินออกมาจากถนนลูกรังเล็กๆ ซึ่งเขากับอิศราพลาดการจับภาพพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า “พอลุงออกมาแล้วไม่เจอ เดี๋ยวจะเป็นห่วง”

 ...ร้ายนักนะไอ้ภีรวัส ทำตัวเป็นคนที่ห่วงใยคนอื่น หวังจะเรียกคะแนนประทับใจ...

 “งั้นผมรอเป็นเพื่อนภีร์ ผู้พันไปก่อนเถอะครับ” อิศราพูดเสียงนุ่ม หันไปยิ้มบางๆ ให้ภีรวัส “ขอบคุณนะครับ ผู้พันใจดีจริงๆ นี่ถ้าไม่ห่วงเพื่อน ผมจะไม่ยอมให้ผู้พันเสียน้ำใจเด็ดขาด”

 “ผมรอด้วย จะได้ไปพร้อมกันทั้งหมด” วรุฒม์พูด

 “อ๋อ ไม่เป็นไรครับ ลุงเขามีรถ” อิศรารีบตอบ แล้วมองภีรวัสด้วยหางตา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเบือนหน้าออกไปด้านข้างเพื่ออมยิ้ม ซึ่งเขารู้ดีว่าท่าทางแบบนี้ คือท่าทางที่เพื่อนยิ้มเยาะเพราะเขาทำอะไรพลาดไป

 ...แหม พลาดครั้งเดียวมาทำเป็นเยาะ ใครจะนึกได้ทันวะ เมื่อครู่บอกว่ารอรถรับจ้าง ตอนนี้ความจริงก็คือว่า ‘ลุง’ ที่ ‘มาด้วยกัน’ นั้นมีรถ...

 พันโทวรุฒม์ขอตัวกลับ แต่ก่อนจากไป นายทหารหนุ่มรูปหล่อที่กลายมาเป็น ‘เหยื่อรายใหม่ที่ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง’ รับอาสาว่าจะพาไปชมจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ จึงนัดให้สองหนุ่มมารอเขาที่ประตูทางเข้าหมู่บ้านในวันพรุ่งนี้ประมาณห้าโมงเย็น

 

 อิศรามองตามรถของวรุฒม์ด้วยใบหน้าบึ้งตึง ก่อนจะหันมามองภีรวัสตาขวาง

 “เป็นไงล่ะ ราชรถไปโน่นแล้ว เพราะแกจริงๆ อดได้นั่งรถสบายๆ แล้วนี่จะกลับยังไง ค่ำแล้ว ลุงของแกที่กำลังจะขับรถมารับ อีกนานหรือเปล่าล่ะถึงจะมา” อิศราเอาเรื่องเพื่อน

 “แล้วทำไมไม่ไปกับเขา”

 “ไปได้ยังไง ไอก็กลายเป็นคนทิ้งเพื่อนนะสิ เสียคะแนนฉิบหายวายวอด” อิศราขึ้นเสียง

 “งั้นก็อย่าบ่น” ภีรวัสเสียงเข้ม ยกเป้ขึ้นแบกแล้วสั่งเพื่อนด้วยคำเดียวสั้นๆ “เดิน”

 อิศราฟึดฟัดเมื่อโดนดุนหลังให้ออกเดิน หนุ่มสำอางชาวกรุงที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเดินไปช้าๆ ปากก็บ่นไปตลอดทาง โดยมีภีรวัสคอยพูดแทรกสั้นๆ เป็นระยะ

 “เอายังงี้ วิธีนี้อาจจะไม่ค่อยเวิร์คเพราะเกมการแข่งขันของเรายังอยู่ในขั้น implementation เราลองมากลับมาใช้วิธีการเดิมก่อน แล้วค่อยปรับเปลี่ยนนโยบาย” อิศราหันมาพูดกับภีรวัส “ผลัดกันคนละวัน”

 “คนละวันได้ยังไง พรุ่งนี้ไปดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันทั้งหมด” ภีรวัสแย้ง

 “งั้นก็เหอะ หมายความว่า อีกฝ่ายที่ไม่ได้เป็นเจ้าของวัน ก็ให้ทำเฉยๆ อย่ายุ่ง อย่าแทรก อย่าทำคะแนน อย่าทำตัวเด่น ต้องเล่นกันแบบแฟร์ๆ แบบว่านั่งเป็นตุ๊กตา ไม่มีชีวิต” อิศราเสนอทางออก

 “แกคงทำได้หรอก” ภีรวัสเบ้ปาก

 “เริ่มพรุ่งนี้ เป็นวันของเราก่อน” อิสราสรุปง่ายๆ

 “แกเอาบรรทัดฐานอะไรมาสรุปว่าพรุ่งนี้เป็นวันของแก” ภีรวัสเสียงเข้ม

 “เพราะฉันเป็นคนนำเสนอแผนการณ์ไงล่ะ” อิศราเสียงดังขึ้นทันใด “ฉันคิดได้ก่อน เพราะฉะนั้นควรได้วันไปก่อน อีกอย่าง พรุ่งนี้เป็นวันคู่ แกก็รู้ว่าฉันถูกโฉลกกับวันคู่ แม่หมอก็เคยทัก จำไม่ได้หรือไง”

 “แม่หมอทักว่าแกจะไร้คู่ อยู่เดียวดาย” ภีรวัสเตือนความจำ

 “แล้วแม่หมอทำไมบอกว่าถูกโฉลกเลขคู่วะ” อิศราทำท่าคิด แล้วสะบัดหัว “ไม่รู้ล่ะ พรุ่งนี้วันคู่ เป็นวันของอิศราก่อน ภีรวัสเอาวันคี่”

 “ขี้เกียจเถียง” ภีรวัสถอนหายใจ ยอมให้อิศราเช่นเคย

 “จำไว้นะ ห้ามทำคะแนน” อิศราหันมาย้ำ

 “เออๆ” ภีรวัสทำเสียงเหนื่อยหน่าย กรอกตาไปมา “ทีเมื่อวานบอกว่าสู้กันแบบไร้กติกา พอวันนี้เห็นท่าทางตัวเองจะแพ้ รีบเปลี่ยนกติกาใหม่เลยนะไอ้ก้อนอิฐ”

 “แล้วค่อยกลับไปใช้ข้อตกลงอันแรก ดูสถานการณ์ situation เป็นบรรทัดฐาน หรือ ภาษาอังกฤษเรียกว่า ruler base ลองดูซักอาทิตย์ก่อนก็แล้วกัน” อิศรายักไหล่ ทำเป็นไม่สนใจคำเหน็บแนมของเพื่อนคู่หูก่อนจะพูดว่า “นี่ ภีร์ เราต้องเดินอีกไกลไหมเนี่ย มืดแล้วนะ เดี๋ยวได้เดินตกถนนกันหรอก”

 “ห้ากิโลไมล์มั๊ง”

 “โอ๊ย พระเจ้าช่วยกล้วยปิ้ง ห้ากิโลไมล์ขาดใจตายพอดี” อิศราโวยวาย “จริงๆ เล๊ย เสียดายราชรถที่ทหารรูปหล่อหุ่นดีขับให้นั่ง ทำไมอิศราจะต้องมาตกระกำลำบากเพราะไอ้เพื่อนสมองตื้นด้วยว๊า”

 “เขาใส่ชุดทหารยังมองออกอีก”

 “พรางแค่ไหน ตาเรดาร์อย่างอิศราก็มองทะลุ คนหุ่นดีนะพีวีซี เสื้อผ้ามันปกปิดไม่มิดหรอกน้อง” อิศราอวด แล้วเริ่มอธิบายรูปร่างของวรุฒม์ในจินตนาการของตัวเองอย่างละเอียดจนคนฟังทนไม่ได้

 “หุบปากทีเถอะคุณอิฐศาลา ถ้าใช้เท้าเดินอย่างเดียวจะไม่เมื่อยเท่าเดินไปพูดไป”

 “ไม่หุบ ใครจะทำไม” อิศราไม่ยอม ยังบ่นต่ออีกหลายกระบุงโกย จนใกล้จะถึงที่พักจึงหมดฤทธิ์ เดินโซซัดโซเซหอบแฮกๆ ตามหลังภีรวัส แทบจะไม่มีแรงหายใจ

More Chapters